วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ฮีโร่ของฉัน

ทิม เบอร์ตัน
อัจฉริยะแห่งอารมณ์ขันหม่นมืด


"สำหรับผม โลกนี้เป็นสีเทา
เป็นสถานที่ซึ่งความดีความชั่วผสมผสานกัน
และมันก็เป็นสีเท่าเข้มขึ้นเรื่อยๆ
ผมชอบเทพนิยาย และความนึกคิดเกี่ยวกับเทพนิยาย
แต่ละเรื่องในตัวเราแต่ละคนจะแตกต่างกันไป
และผมอยากจะทำเทพนิยายให้มันบริสุทธิ์ที่สุด"

หลายคนมักตั้งข้อสังเกตถึงความอึมครึมในผลงานของทิม เบอร์ตันอยู่เสมอ เมื่อนึกถึงเขา เรามักจะนึกถึงความตาย
ความพิการ ความโศกเศร้า ความหดหู่ รวมถึงการยั่วล้อเสียดสี อันเป็นศูนย์รวมความหม่นมืดทั้งหลาย
แต่สเน่ห์ของทิม เบอร์ตัน คือการที่เขานำเสนอเรื่องราวเหล่านี้ ด้วยอารมณ์ขันรื่นรมย์

ทิม เบอร์ตันเคยให้สัมภาษณ์ถึงทัศนคติของเขาที่มีต่อเรื่องเหล่านี้ว่า เขาไม่เคยคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องรันทดหดหู่
ทุกอย่างเป็นในอย่างที่มันเป็น ถึงมันจะดูรันทดสลดใจสำหรับใคนบางคน คงเพราะผู้คนเหล่านั้นแต่งเติมความคิดของตนลงไป
สำหรับเขาแล้วความน่าเกลียดทั้งหลายคืออีกรูปแบบหนึ่งของสุนทรียศาสตร์ ในความอัปลักษณ์มีความงาม
และในความงามก็อาจจะมีความอัปลักษณ์ สองสิ่งนี้เป็นเหมือนส่วนประกอบของกันและกันที่ทำให้ศิลปะสมบูรณ์

Timonthy William Burton เป็นศิลปินร่วมสมัยที่ประสบความสำเร็จสูงมากคนหนึ่ง
เขาเป็นทั้งผู้กำกับภาพยนตร์, โปรดิวเซอร์, นักเขียน, คนวาดการ์ตูนและช่างภาพ เกิดเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 1958
ในย่านเบอร์แบงก์ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา มีความหลังฝังใจวัยเด็กกับการ์ตูนและหนังสยองขวัญเก่าๆ อย่างมาก
แรงบันดาลใจในยุคแรกๆ ของเขา มาจากสัตว์ประหลาดอย่างก็อตซิลล่า หรือไม่ก็นักแสดงอย่างวินเซ็นต์ ไพรซ์
ทำให้เขามุ่งมั่นอยากเป็นคนวาดการ์ตูนที่เคลื่อนไหวได้ เขาจึงตัดสินใจเรียน Character Animation program
ที่ California Institute of the Arts ด้วยทุนการศึกษาของวอลต์ ดีสนีย์

เมื่อเรียนจบในปี 1979 เขาก็เข้าทำงานในสตูดิโอของวอลต์ ดีสนีย์ ทำให้เขามีโอกาสได้แสดงฝืมือในภาพยนตร์หลายเรื่อง
อาทิ The Fox and the Hound และ The Black Cauldron นอกจากนี้ เขายังมีโอกาส
กำกับผลงานสต็อปโมชั่นเป็นครั้งแรก ด้วยภาพยนตร์สั้นเรื่อง Vincent ที่เบอร์ตันตั้งใจสร้างขึ้นมาเพื่อสดุดีวินเซ็นต์ ไพรซ์
ดาราหนังสยองขวัญซึ่งเป็นขวัญใจตั้งแต่วัยเด็กของเขาโดยเฉพาะ เบอร์ตันลงทุนพากษ์เสียงของไพรซ์ด้วยตนเอง
ภาพยนตร์เรื่องนี้ ประสบความสำเร็จมากในหมู่นักวิจารย์ ได้รับรางวัลต่างๆ มากมาย

ทิม เบอร์ได้กล่าวถึงภาพยนตร์สั้นเรื่อง Vincent ของเขาว่า "สำหรับสตูดิโอดีสนีย์ ที่ชอบทำหนังสัตว์โลกแสนน่ารัก
การที่เขาให้โปรเจ็กต์หนังเรื่องนี้ของผมผ่านได้ ก็ถือว่าเขาใจกว้างกับผมมากที่สุดแล้ว เพราะช่วงที่ผมทำงานอยู่ที่นี่
ผมรู้สึกว่าตัวเองวาดการ์ตูนไม่ดีเลย ดิสนีย์ชอบให้พวกเราวาดการ์ตูนตาโตๆ
แต่การ์ตูนที่ผมอยากวาดจริงๆ น่ะ ผมไม่อยากให้มันมีดวงตาเลยล่ะ"

ในปี 1982 ทิม เบอร์ตันเขียนภายนตร์ล้อเลียนกวีนิพนธ์อันมีชื่อเสียงของคลีเมนต์ คลาก มัวร์ ออกมา 3 หน้ากระดาษ
โดยใช้ชื่อว่า "The Nightmare Before Christmas" โดยเบอร์ตัน สเก็ตช์ภาพวาดลายเส้นและสตอรี่บอร์ด
ทุกฉากทุกตอนแล้วหาคนมาทำเป็นหุ่นสามมิติ ชื่อแจ๊ก สเคลลิงตัน พระเอกของเรื่อง แล้วนำโปรเจ็กต์ไปเสนอ
ตามสถานีโทรทัศน์ต่างๆ หลายแห่งแต่ไม่ผ่านเลยแม้แต่แห่งเดียว เบอร์ตันพับโครงการนี้ไว้เป็นสิบปี
ก่อนที่จะปัดฝุ่นเอามาทำใหม่ หลังจากที่เขามีเครดิตอย่างสูง จากภาพยนตร์เรื่อง Batman เมื่อปี 1989

ผลงานเรื่องต่อมาของทิมที่ทำกับดีสนีย์เป็นภาพยนตร์สารคดีขาว-ดำ ความยาว 30 นาที เรื่อง Frankenweenie
ในปี 1984 เป็นความพยายามครั้งแรกเล็กๆ ของเขา ในการเล่าเรื่องฟื้นคืนชีพแบบแฟรงเกนสไตน์
เนื่อหาในภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นเรื่องของเด็กชายคนหนึ่งที่พยายามชุบชีวิตหมาแสนรักของตน
ด้วยเหตุนี้เอง ใครบางคนจึงตั้งฉายาให้เขาด้วยว่าเป็น "ด้านมืดของวอลต์ ดีสนีย์"

บุคลิกตัวละครเอกในผลงานของทิม เบอร์ตัน แม้จะแตกต่างกันไปตามเนื้อหาของเรื่อง แต่จะมีลักษณะร่วมกันอยู่อย่างหนึ่งคือ
มักจะแฝงความแอนตี้ฮีโร่ไว้ด้วยเสมอ กล่าวคือ ฮีโร่ของเขามักจะซุ่มซ่าม เด๋อด๋า ไม่หล่อ ไม่เท่ห์ ไม่เก๋ไก๋
ไม่มีคุณสมบัติเลิศเลอเพอร์เฟ็คต์เหมือนฮีโร่ทั่วๆ ไป ลึกๆ แล้วฮีโร่ของเขาออกจะหดหู่ดูน่าสงสารอยู่ไม่น้อย
ทิม เบอร์ตันเคยให้สัมภาษณ์ถึงความคิดของเขาว่า เขารู้สึกไว้วางใจในความบกพร่องมากกว่าความสมบูรณ์แบบ
เขาบอกว่า "ผมคิดว่าฮีโร่แท้ๆ นั้นสามารถมีข้อบกพร่องได้และในขณะเดียวกัน คนที่มีข้อบกพร่องในตัวมากมาย
ก็สามารถเป็นฮีโร่กับเขาได้เหมือนกัน" และดูเหมือนว่า ความคิดนี้ จะมีอยู่ในผลงานของเขาแทบทุกชิ้น

แก่นสารในผลงานของทิม เบอร์ตัน มักวนเวียนอยู่กับความตาย ความเศร้า รวมถึงความชั่วร้ายไร้เดียงสาบางคนจึงเรียกเขาว่า
"อัจฉริยะแห่งอารมณ์ขันหม่นมืด" ด้วยเขามักขุดควานไปในความชั่วร้ายทั้งหลายแล้วนำมาเสกสรรค์ปันแต่งใหม่ในสไตล์ของเขา

ทิม เบอร์ตันกล่าวว่า ผู้คนมักพูดถึงด้านมืดของเขาอยู่เสมอ โดยตัวเขาเองก็ไม่เคยรู้คำตอบที่แท้จริงนัก ที่ว่ามืดนั้น
มันคืออะไรกันแน่ เขาบอกว่า ด้านมืดโดยแท้จริง น่าจะเป็นอย่างรายการ American's Funniest Home Video
รายการตลกจากเรื่องจริงเช่นภาพวิดีโอเด็กหรือคนแก่ประสบอุบัติเหตุในท่วงท่าชวนขบขัน
ที่ผู้คนชอบดูและหัวเราะสนุกกับภาพเหล่านั้น

"ผมอ่อนไหวกับภาพชีวิตที่หดหู่หม่นมืดและในงานของผมก็มักหยิบเรื่องข้อบกพร่องของมนุษย์มาเล่นก็จริง
แต่ผมก็แค่หยอกเย้าเสียดสีมันเล็กๆ น้อยๆ ผมแค่พยายามให้มันมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้างเท่านั้น
และความจริงแล้ว ผมเป็นแค่คนเขียนหนังสือเด็กเท่านั้นเอง"

2 ความคิดเห็น:

  1. เราก็ไม่ค่อยได้เช็กบล็อกเหมือนกัน พึ่งย้ายที่ทำงานเลยวุ่นๆอยู่ เมื่อวานเข้าไป TCDC มา เห็นมีงานปล่อยแสง แต่ไม่ได้แวะเข้าไปดู ได้แสดงรึเปล่า อยากเห็นฟอนต์ปะการังมั่ง ^^

    ตอบลบ
  2. มีเรื่องจะสารภาพคือ ขวัญไม่ได้ส่งงานไปปล่อยแสงแหละ ;P พอดีช่วงนั้นยุ่งๆเลย เอ้ย ไม่ส่งดีกว่า แต่ก็จะพัฒนามันต่อให้ใช้ได้จริงเลย ขวัญว่าจะเอาเพลทพรีเซ็นท์มาลงบล็อกอยู่ อาจจะนานหน่อย เพราะขี้เกียจ 555 (ช่วงนี้ติดเกมในเฟสบุ๊คมาก มายได้เล่นมั้ย ชื่ออะไร เดี๋ยวขวัญแอ้ดไป :D)

    ตอบลบ